โรคมะเร็งตับ (Liver Cancer)
เกิดขึ้นเมื่อเซลล์รอบๆตับมีลักษณะหรือการทำงานเปลี่ยนไปจากปกติแล้วปรับปรุงเป็นโรคมะเร็งสุดท้าย หรืออาจเป็นเพราะเนื่องจากการแพร่ไปของเซลล์ของโรคมะเร็งจากรอบๆอื่นมายังตับก็ได้ ซึ่งโรคมะเร็งตับจำนวนมากก็มักมีที่มาจากปัจจัยข้างหลังนี้ คนไข้โรคมะเร็งตับมักไม่ออกอาการจนกระทั่งจะมีขนาดใหญ่มากยิ่งขึ้นซึ่งเป็นระยะที่ยากต่อการดูแลและรักษาโรคมะเร็งตับ
ลักษณะโรคโรคมะเร็งตับ
โรคมะเร็งตับมักไม่มีสัญญาณหรืออาการชี้ในช่วงแรกเริ่ม จนกระทั่งเมื่อโรคมะเร็งปรับปรุงถึงขนาดออกอาการก็เลยจะพิจารณาได้ดังต่อไปนี้
น้ำหนักน้อยลงโดยไม่เคยรู้ต้นสายปลายเหตุ
ไม่อยากกินอาหาร รู้สึกอิ่มถึงแม้กินไปเพียงนิดหน่อย
อ้วก คลื่นไส้
เจ็บท้องส่วนบน โดยชอบปวดรอบๆทางขวา
มีลักษณะบวมที่ท้องหรือลูบคลำเจอก้อนใตชายโครงทางด้านขวา เนื่องจากว่าตับโต
บางทีอาจลูบคลำเจอก้อนที่ชายโครงทางซ้ายเพราะม้ามโต
ผิวหนังรวมทั้งตาเหลือง (โรคดีซ่าน)
อุจจาระอาจมีสีจางลง
อ่อนเปลี้ยเพลียแรงรวมทั้งล้า
มีลักษณะอาการคัน
ไม่สบาย
ต้นเหตุโรคมะเร็งตับ
โรคมะเร็งที่ตับมีต้นเหตุจากการที่ดีเอ็นเอในเซลล์ตับมีการกลายพันธุ์จนกระทั่งทำให้ส่วนประกอบเซลล์เปลี่ยนไป ทำให้เซลล์เติบโตขึ้นอย่างเปลี่ยนไปจากปกติแล้วก็ปรับปรุงเป็นเนื้องอกสุดท้าย ต้นเหตุหลักของการการเปลี่ยนนี้ยังไม่ปรากฏกระจ่างแจ้ง แต่ว่ามีเหตุที่มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งตับได้ดังนี้
เพศ เจออัตราการเป็นโรคมะเร็งตับในผู้ชายสูงขึ้นมากยิ่งกว่าในผู้หญิง
คนป่วยเป็นโรคจำพวกอื่นที่สมาคมหรือสามารถปรับปรุงไปเป็นโรคมะเร็งตับ เป็นต้นว่า
โรคตับอักเสบเรื้อรังจากเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี แล้วก็เชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี ที่ทำความเสียหายต่อตับอย่างยั่งยืนแล้วก็ทำให้ตับวายได้
โรคตับแข็ง กว่าครึ่งของผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งตับเป็นโรคโรคตับแข็งร่วมด้วย
เบาหวาน
โรคมะเร็งตับบางทีอาจสโมสรกับโรคอ้วน แล้วก็โรคไขมันพอกตับที่มิได้เกิดขึ้นได้เนื่องมาจากการดื่มสุราได้ด้วย
โรคตับที่ตกทอดทางพันธุกรรมที่เจอได้นานๆครั้ง ตัวอย่างเช่น ภาวการณ์ธาตุเหล็กในตับมากเกิน (Hemochromatosis) สภาวะทองแดงคั่งภายในร่างกาย (Wilson's Disease)
การสัมผัสสารอะฟลาท็อกซิน (Aflatoxins) ซึ่งเป็นสารที่มีต้นเหตุที่เกิดจากเชื้อราตามเมล็ดข้าวโพดหรือถั่วที่เก็บรักษาไม่ดีกระทั่งกระตุ้นให้เกิดเชื้อรา การได้รับของกินแปดเปื้อนเชื้อราจึงมีโอกาสที่จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการได่รับพิษประเภทนี้และก็กำเนิดเป็นโรคมะเร็งตับ ซึ่งพื้นที่ในทวีปแอฟริกาและก็ทวีปเอเชียเล็กน้อยบางทีอาจเจอการแปดเปื้อนจากเชื้อราประเภทนี้
การบริโภคแอลกอฮอล์มากเกินควรจะ ความประพฤติการดื่มแอลกอฮอล์หลายชิ้นตรงเวลาติดต่อนับเป็นเวลาหลายวันจะมีผลให้ก่อให้เกิดอันตรายต่อตับอย่างสม่ำเสมอและก็มีโอกาสเสี่ยงต่อการพัฒนาเป็นเซลล์ของโรคมะเร็ง
การสูบยาสูบ คนที่มีอาการป่วยด้วยเชื้อไวรัสตับอักเสบอยู่แล้วรวมทั้งมีความประพฤติปฏิบัติดูดบุหรี่จะยิ่งเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งตับเพิ่มขึ้น
การได้รับสารเคมีอันตรายจากยาฆ่าหญ้า เป็นต้นว่า สารไวนิล คลอไรด์ (Vinyl Chloride) แล้วก็สารหนู (Arsenic) ที่บางทีอาจเจอได้แอ่งน้ำที่มิได้มาตรฐานความปลอดภัย เมื่อได้รับเป็นระยะเวลานานบางทีอาจมีการสะสมจนกระทั่งกำเนิดโรคต่างๆตามมามากไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่เว้นแม้กระทั้งโรคมะเร็งตับ
การใช้อท้องนาโบลิคเสตียรอยด์ (Anabolic steroids) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชายที่นักกีฬามักใช้เพื่อเพิ่มกล้าม ถ้าเกิดใช้เป็นระยะเวลาที่ยาวนานจะยิ่งมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับ รวมทั้งโรคมะเร็งประเภทอื่นๆด้วย
เชื้อชาติ เจอคนป่วยโรคตับแข็งที่เป็นชาวเอเชีย คนอเมริกัน รวมทั้งชาวเกาะแปซิฟิค ได้บ่อยมากกว่าชาติอื่นๆ
การวิเคราะห์โรคโรคมะเร็งตับ
พื้นฐานหมอจะไถ่ถามเรื่องราวและก็สิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงของผู้เจ็บป่วยต่อการเป็นโรคโรคมะเร็งตับ แล้วตรวจร่างกายด้วยการคลำสัมผัสหรือเคาะท้องเพื่อตรวจตับ จากนั้นก็เลยส่งไปเพื่อทำการตรวจเพิ่มอีกเพื่อการวิเคราะห์ที่ถูกต้องแล้วก็แน่ชัด โดยอาจมีขั้นตอนการดังนี้
การวิเคราะห์เลือดเพื่อตรวจโรคมะเร็งตับ (Alfa-fetoprotein: AFP) เป็นแนวทางตรวจค้นค่าโปรตีนที่สร้างมาจากเนื้องอกตับ สามารถตรวจค้นโรคมะเร็งตับในคนไข้ได้ถึง 70 เปอร์เซ็นต์ โดยคนไข้โรคมะเร็งตับจะมีค่าเอเอฟพีสูงยิ่งกว่าธรรมดา
การถ่ายรูปตับ การวิเคราะห์ด้วยเครื่องอัลยี่ห้อซาวน์ เครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือซีทีสแกน (CT scan) หรือเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อหมอสามารถเห็นตำแหน่งของโรคมะเร็งรวมทั้งจำนวนของเลือดที่มาหล่อเลี้ยงโรคมะเร็งได้อย่างแจ่มแจ้ง โดยการตรวจด้วยวิธีการแบบนี้มักยากที่จะหาแผลหรือรอยโรคที่มีขนาดเล็กกว่า 1 เซ็นต์
การเจาะชิ้นเนื้อตับ (Liver Biopsy) ทำเป็นโดยการเก็บเนื้อเก็บตัวอย่างจากก้อนที่สงสัยที่ตับเพื่อส่งไปตรวจเพิ่มว่าจะเป็นเซลล์ของมะเร็งไหม ในเรื่องที่ผลตรวจการถ่ายรูปแล้วก็การตรวจทางแล็บกำหนดแน่ๆแล้วว่าเป็นโรคมะเร็งตับก็ไม่สำคัญใดๆก็ตามที่จำต้องเจาะชิ้นเนื้อตับเพื่อตรวจอีก เนื่องมาจากแนวทางลักษณะนี้บางทีอาจเสี่ยงทำให้ติดเชื้อโรค มีเลือดออก หรือมีการกระจายเชื้อของโรคมะเร็งไปยังส่วนอื่นๆที่ถูกเข็มเจาะด้วย ซึ่งจังหวะที่จะมีการแพร่ระบาดผ่านเข็มดังกล่าวข้างต้นบางทีอาจเกิดขึ้นได้ 1-3 เปอร์เซ็นต์ และก็ถ้าการตรวจประเภทนี้ยังวิเคราะห์มิได้แจ่มกระจ่าง หมอบางครั้งอาจจะตรวจด้วยการถ่ายรูปซ้ำอีกที โดยเว้นระยะห่างการตรวจ 3-6 เดือน
การดูแลและรักษาโรคมะเร็งตับ
ขั้นตอนการรักษาโรคโรคมะเร็งตับขึ้นกับระยะอาการและก็การแพร่ระบาดของโรคมะเร็ง หมอจะให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการดูแลและรักษาที่ทำเป็น โดยใคร่ครวญจากอายุรวมทั้งสุขภาพของคนเจ็บ ดังนี้ยังขึ้นกับความพอใจของเพศผู้ป่วยไข้มี
การผ่าตัด (Surgical Resection) ในระยะเริ่มต้น เมื่อเนื้องอกยังมีขนาดเล็กและก็อยู่ในส่วนเล็กๆของตับ การดูแลและรักษาสามารถทำเป็นโดยการผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อส่วนที่มีโรคมะเร็งออก ธรรมดาแล้วเซลล์ตับสามารถทำขึ้นใหม่เอง ก็เลยบางทีอาจเป็นได้ที่การผ่าตัดชิ้นเนื้อขนาดใหญ่ออกไปจะไม่มีผลรุนแรงต่อร่างกายของคนเจ็บ
แต่ว่าก็มีคนป่วยโรคมะเร็งตับมากไม่น้อยเลยทีเดียวที่มีความรู้สำหรับในการสร้างเซลล์ใหม่ของตับห่วยแตกลงมาก การผ่าตัดนี้ก็เลยบางทีอาจไม่ปลอดภัย
การผ่าตัดเอาชิ้นเนื้อร้ายค่อนข้างจะทำระหว่างการสูดยาสลบ แต่ว่าแนวทางแทงบอลออนไลน์ นี้บางทีอาจตามมาด้วยภาวะแทรกซ้อน ดังเช่น เลือดออกข้างหลังการผ่าตัด มีการติดโรค สภาวะเส้นเลือดขาและก็ปอดตัน ปอดอักเสบ น้ำดีรั่วออกมาจากตับ ตับวาย อาการโรคตับเหลือง เป็นผลข้างๆจากการใช้ยาสลบได้ ภายหลังผ่าตัด หมอจำต้องเฝ้าระวังลักษณะของคนไข้สม่ำเสมอ รวมทั้งใช้เวลานับเป็นเวลาหลายเดือนกว่าคนไข้จะฟื้นได้เต็มกำลัง
การผ่าตัดเปลี่ยนแปลงตับ หมอจะปลูกถ่ายตับใหม่ที่ได้รับบริจาคแทนที่ตับที่มีโรคมะเร็งให้กับคนไข้ โดยแนวทางแบบนี้สามารถใช้รักษาผู้เจ็บป่วยโรคมะเร็งตับระยะเริ่มต้นที่มีเนื้องอกขนาดเล็กแล้วก็มีปริมาณไม่มากมาย ไม่อย่างนั้นจะมีผลให้มีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งอีกทีได้สูง
อย่างไรก็ดีการเปลี่ยนตับมีโอกาสเสี่ยงต่อการมีเลือดออกหรือติดเชื้อโรคข้างหลังผ่าตัด ปอดอักเสบ ผลกระทบจากยาสลบ รวมทั้งภาวการณ์ต้านตับที่ถูกปลูกถ่าย การตำหนิดเชื้อเนื่องมาจากระบบภูเขามิคุ้นกันหยุดดำเนินงานซึ่งได้ผลจากยาที่จำเป็นต้องกินข้างหลังผ่าตัด รวมทั้งการเปลี่ยนถ่ายตับในประเทศไทยก็ยังทำเป็นน้อยอยู่
รังสีรักษา (Radiation Therapy) การดูแลและรักษาด้วยการฉายรังสีพลังงานสูง ตัวอย่างเช่น รังสีเอกซเรย์และก็โปรตอนตรงไปยังเซลล์เพื่อทำลายเซลล์ของโรคมะเร็งรวมทั้งทำให้เนื้องอกหดตัวเล็กลง การฉายรังสีอาจก่อให้เป็นผลกระทบต่อเซลล์ธรรมดาที่ตับรวมทั้งรอบๆรอบตัวได้ง่าย รวมทั้งร่างกายอาจมีอาการอ่อนแรง อาเจียน รวมทั้งอ้วกได้
เคมีบรรเทา (Chemotherapy) การให้ยากินหรือฉีดยาฆ่าเซลล์ของมะเร็งไปยังเส้นเลือดดำหรือเส้นเลือดแดง หรือเพื่อกำจัดเซลล์ของมะเร็ง กระบวนการทำเคมีบรรเทานี้คนเจ็บแต่ละรายอาจมีอาการใกล้กันที่ต่างๆนาๆขึ้นกับการโต้ตอบของผู้เจ็บป่วยแล้วก็จำพวกของยา ยกตัวอย่างเช่นฟกช้ำดำเขียวง่าย เหน็ดเหนื่อย อ้วกรวมทั้งอ้วก ผมหล่น ขาบวม เจ็บปาก รวมทั้งท้องเดิน ซึ่งอาการกลุ่มนี้ชอบดำรงอยู่เพียงแค่ชั่วครั้งคราว
Ablative Therapy การฆ่าเซลล์ของโรคมะเร็งโดยการฉีดสารเข้าไปที่เนื้อร้ายโดยตรง สารที่ใช้ฉีดบางทีอาจเป็นความร้อน เลเซอร์ กรด หรือแอลกอฮอล์ประเภทพิเศษ หรือบางทีอาจใช้คลื่นวิทยุก็ได้ วิธีการแบบนี้สามารถใช้เพื่อการรักษาเพื่อทุเลาอาการได้ ในเรื่องที่ไม่อาจจะผ่าตัด
การให้ยาชี้เฉพาะเซลล์ของมะเร็ง (Targeted Drug Therapy) เป็นวิธีการใช้ยาเพื่อชะลอหรือยั้งการเติบโตของเซลล์ของมะเร็งตับ โดยเฉพาะเจาะจงกับเซลล์ที่มีความผิดธรรมดาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆกว่ากระบวนการทำเคมีบรรเทาทั่วๆไป
ภาวะแทรกซ้อนของโรคมะเร็งตับ
เว้นเสียแต่อาการที่คนป่วยโรคมะเร็งตับแสดงรวมทั้งผลแทรกที่เกิดจากการดูแลและรักษาที่กล่าวไปแล้ว โรคมะเร็งตับยังบางทีอาจสามารถแพร่ไปสู่อวัยวะรอบๆอื่นๆดังเช่นตามต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะที่อยู่ไกลห่างออกไปหรือนำมาซึ่งการทำให้มีเลือดออกด้านใน ได้แก่ ในระบบทางเดินอาหาร และก็เนื้องอกกำเนิดแตกได้ นอกเหนือจากนี้บางทีอาจร้ายแรงถึงขนาดทำให้ตับวาย ซึ่งชอบเกิดขึ้นได้ในระยะด้านหลังๆของโรคมะเร็งตับ
การคุ้มครองป้องกันโรคมะเร็งตับ
การปกป้องโรคมะเร็งตับด้วยตัวเองสามารถทำเป็นโดยการลดสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่างๆที่อาจจะก่อให้กำเนิดโรคมะเร็งตับ โรคตับแข็งเป็นโรคที่สมาคมกับโรคมะเร็งตับอย่างยิ่ง เหตุเพราะจะมีผลให้กำเนิดแผลในตับจึงมีความเสี่ยงสำหรับการพัฒนาเป็นเซลล์ของโรคมะเร็งที่ตับได้สูง
การปกป้องโรคมะเร็งตับจำเป็นต้องลดสาเหตุต่างๆที่บางทีอาจส่งผลให้เกิดโรคตับแข็งไปด้วย อาทิเช่น การดื่มแอลกอฮอล์ให้พอดิบพอดี หมั่นบริหารร่างกาย ควบคุมน้ำหนักไม่ให้มากจนเกินความจำเป็นโดยกินอาหารที่ดีต่อร่างกาย แล้วก็ลดจำนวนไขมันที่บริโภค รวมถึงระแวดระวังการใช้สารเคมีที่บางทีอาจทำให้เป็นอันตรายและก็เสี่ยงที่จะทำให้เป็นโรคโรคตับแข็งตามมา
ไม่เพียงแค่โรคตับแข็งเพียงแค่นั้น โรคอื่นๆอย่างการต่อว่าดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี และก็เชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี ก็เพิ่มช่องทางมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งตับได้
การปกป้องเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ทำได้ด้วยการฉีดยาเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ซึ่งมีคุณภาพสำหรับการคุ้มครองป้องกันมากยิ่งกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ แล้วก็สามารถฉีดได้ทุกเพศทุกวัย ไม่ว่าจะเป็นทารก คนแก่ คนแก่ หรือแม้กระทั้งคนที่มีภูมิต้านทานอ่อนแอก็ตาม ส่วนเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี ในตอนนี้ยังไม่มีวัคซีนเพื่อคุ้มครองการตำหนิดเชื้อ
การหลีกเลี่ยงการติดต่อเชื้ออีกทั้ง 2 จำพวกจากคนอื่นๆยังทำได้ด้วยการผลิตสุขลักษณะที่ดี อย่างเช่น ใช้ถุงยางเมื่อใดก็ตามมีเซ็กส์กับคู่รักที่เสี่ยงติดโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับคนอื่นๆ รวมทั้งเข็มที่ใช้สักตาลายมร่างกาย ควรจะเลือกร้านค้าสักที่มั่นอกมั่นใจ ufabet ได้ถึงความสะอาดแล้วก็สุขลักษณะ ฯลฯ
นอกเหนือจากนั้น อีกแนวทางที่บางทีอาจทำเป็นก็คือการเข้ารับการตรวจโรคมะเร็ง แต่ว่าวิธีการแบบนี้ไม่บางทีอาจลดหรือคุ้มครองป้องกันการเกิดโรคมะเร็งตับได้ เพียงแค่ทำให้ผู้เจ็บป่วยรู้สึกตัวได้ในระยะต้นๆโดยทาง AASLD (The American Association for the Study of Liver Diseases) ได้เสนอแนะให้คนที่มีความรู้สึกว่าตนเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งตับหรือมีสภาวะอะไรก็แล้วแต่ตั้งแต่นี้ต่อไปเข้ารับการตรวจโรคมะเร็งตับ
ผู้ติดเชื้อโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี แล้วก็มีสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงอันอื่นร่วม อาทิเช่น เป็นชาวเอเชียหรือแอฟริกัน มีอาการป่วยเป็นโรคตับแข็ง หรือมีประวัติบุคคลในครอบครัวมีอาการป่วยด้วยโรคมะเร็งตับ
ผู้ติดโรคเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี พร้อมทั้งเป็นโรคโรคตับแข็ง
ผู้เจ็บป่วยโรคตับแข็งจากต้นสายปลายเหตุอื่นๆตัวอย่างเช่น โรคภูมิแพ้ตนเอง ดื่มแอลกอฮอล์มากจนเกินไป โรคไขมันพอกตับ โรคทางพันธุกรรมอย่างสภาวะธาตุเหล็กในตับมากเกิน
ผู้เจ็บป่วยโรคตับแข็งที่เกิดข้างหลังการคั่งของน้ำดี